นั่งทำงานนานจนปวดหลังเรื้อรัง: ท่านั่งที่ทำร้ายกระดูกสันหลังโดยไม่รู้ตัว

อาการปวดบริเวณหลัง โดยเฉพาะอาการ ปวดหลังล่าง เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่แพร่หลายในหมู่ผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หลายคนมักเข้าใจว่าความเจ็บปวดเหล่านี้เป็นเพียงความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นตามปกติ ทว่าในความเป็นจริง พฤติกรรมการนั่งที่ไม่ถูกต้องซ้ำ ๆ เป็นประจำคือตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของหมอนรองกระดูกสันหลังอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่ภาวะ ปวดหลัง เรื้อรังในที่สุด ท่าทางบางอย่างที่ปฏิบัติจนกลายเป็นนิสัยขณะนั่งทำงาน อาจส่งผลให้เกิดการกดทับและความตึงเครียดต่อกระดูกสันหลังโดยที่ผู้ปฏิบัติงานอาจไม่ทราบถึงอันตรายที่สะสมอยู่

การนั่งหลังค่อมและการวางท่าที่ไม่เหมาะสม

การนั่งหลังค่อม หรือการที่ลำตัวส่วนบนโค้งงอไปด้านหน้าพร้อมกับไหล่ห่อ เป็นท่าทางที่สร้างแรงกดอย่างมากต่อหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนล่าง เมื่อกระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะโค้งงอผิดธรรมชาติ กล้ามเนื้อบริเวณหลังจะต้องทำงานหนักเกินความจำเป็นเพื่อพยุงลำตัว ขณะเดียวกัน หมอนรองกระดูกจะถูกบีบอัดที่ด้านหน้าและถูกยืดออกที่ด้านหลัง การทำเช่นนี้เป็นระยะเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมของหมอนรองกระดูก และสามารถนำไปสู่อาการ ปวดหลัง รุนแรง ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้

ปัญหาจากการนั่งไขว่ห้างและการลงน้ำหนักไม่สมมาตร

การนั่งไขว่ห้าง หรือการทิ้งน้ำหนักตัวลงที่สะโพกเพียงด้านเดียวเป็นพฤติกรรมที่บิดเบือนตำแหน่งของกระดูกเชิงกราน ทำให้กระดูกสันหลังส่วนล่าง (ปวดหลังล่าง) ต้องเอียงตัวเพื่อพยายามรักษาสมดุลของร่างกาย การกระจายน้ำหนักที่ไม่เท่ากันนี้เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อสะโพกข้างหนึ่งทำงานหนักเกินไปอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดอาการปวดสะโพกและอาการ ปวดหลัง ที่คงอยู่ยาวนาน
นอกจากนี้ การนั่งไม่เต็มเบาะ หรือการนั่งเพียงแค่ครึ่งที่นั่ง ก็เป็นท่าทางที่มีปัญหาคล้ายกัน การนั่งลักษณะนี้ทำให้ไม่มีการรองรับที่เหมาะสมสำหรับกระดูกก้นกบและต้นขา น้ำหนักตัวส่วนใหญ่จึงถูกถ่ายเทลงไปกดทับที่กระดูกสันหลังส่วนล่างโดยตรง แทนที่จะกระจายไปยังเก้าอี้อย่างถูกหลักสรีระศาสตร์

ผลกระทบของการยื่นศีรษะไปด้านหน้า

เมื่อระดับของจอคอมพิวเตอร์อยู่ต่ำกว่าระดับสายตา ผู้ทำงานมักจะยื่นคอและศีรษะไปด้านหน้าโดยอัตโนมัติ ท่าทางนี้เรียกว่า Forward Head Posture ซึ่งสร้างภาระอย่างมหาศาลให้กับกระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนบนของหลัง แรงกดที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณคอเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกระดูกสันหลังส่วนล่าง การยื่นศีรษะออกไปด้านหน้าเพียงเล็กน้อยสามารถเพิ่มน้ำหนักที่กล้ามเนื้อคอและหลังต้องรับผิดชอบได้หลายเท่าตัว นำไปสู่อาการปวดบ่า ปวดไหล่ และอาการ ปวดหลัง ที่เชื่อมโยงกันได้

ความเสี่ยงจากอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมและการขาดการเคลื่อนไหว

การเลือกใช้เก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงรองรับส่วนโค้งตามธรรมชาติของหลังส่วนล่าง (Lumbar Support) จะบังคับให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานเพื่อพยุงกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวตรงตลอดเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการ ปวดหลัง ได้ง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น การนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไปโดยไม่มีการลุกขึ้นยืน เดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถ จัดเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลัง การขาดการเคลื่อนไหวต่อเนื่องส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไปยังหมอนรองกระดูกลดลง ทำให้หมอนรองกระดูกขาดความยืดหยุ่นและเกิดภาวะตึงตัว การแพทย์แนะนำให้ผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 ถึง 60 นาที เพื่อลดแรงกดทับที่สะสมอยู่

แนวทางการป้องกัน

การป้องกันอาการ ปวดหลังล่าง ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเริ่มต้นจากการปรับตั้งเก้าอี้ทำงานให้สามารถนั่งหลังตรงและแนบชิดกับพนักพิงได้อย่างสมบูรณ์ เท้าทั้งสองข้างควรวางราบกับพื้น และข้อศอกควรทำมุมตั้งฉากกับโต๊ะเพื่อลดแรงตึงที่กระดูกสันหลัง การเลือกใช้อุปกรณ์สำนักงานที่สอดคล้องกับหลักการยศาสตร์ และการจัดสรรเวลาสำหรับการพักเบรกเพื่อยืดเหยียดร่างกาย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังในระยะยาว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาอาการ ปวดหลัง ได้ที่ https://rehabcareclinic.com